Wednesday, May 23, 2012

Windows 7 อ่านฟอนต์ไทยบางโปรแกรมไม่ออก

1 ความคิดเห็น
 
ท่านผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows 7 อาจประสบปัญหาที่โปรแกรมหลายโปรแกรม ไม่สามารถอ่านฟอนต์ไทยได้  ซึ่งจะมีลักษณะการแสดงผล ดังรูปข้างล่าง


โดยแท้จริงแล้ว ไม่ได้เกิดปัญหาที่ ระบบปฏิบัติการ Windows 7 แต่เกิดจากการตั้งค่าในการอ่านฟอนต์ในแต่ละประเทศหรือภูมิภาค ซึ่งในค่าเบื้อต้นของ Windows 7 จะตั้งค่าที่ฟอนต์ภาษาอังกฤษ จึงทำให้ การอ่านฟอนต์ไทย มีสภาพดังรูปบน
เรามาศึกษาวิธีตั้งค่าระบบ เพื่อแก้ไขให้อ่านฟอนต์ไทยได้ โดยมีวิธีการดังนี้

1.ไปที่ Control Panel เลือกรายการ  Region and Language ตามลำดับ


2. คลิกที่ปุ่ม Change system locale จะปรากฎกรอบหน้าต่าง  Region and Language Setting ให้ทำการกำหนด Current system Locale เป็น Thai(Thailand) ดังภาพ


3. คลิกปุ่ม OK และทำการ รีสตาร์ทระบบ ใหม่อีกครั้ง คราวนี้ โปรแกรมการทำงานก็จะอ่าน ฟอนต์ไทย ได้

Readmore...
Tuesday, May 22, 2012

การใส่เสียง PowerPoint เพื่อการนำเสนอแบบอัตโนมัติ

0 ความคิดเห็น
 
การใส่เสียง เป็นอีกเสน่ห์ที่สำคัญของการนำเสนอ รูปแบบการใส่ไฟล์เสียง มี อยู่ 2 ลักษณะ
1. ใส่เสียงประจำเฉพาะในเฟรมสไลด์เดียว
2.ใส่ไฟล์เสียงคลุมยาวตลอดการแสดงสไลด์หรือที่เรียกว่าให้สไลด์แสดงโดยอัตโนมัติ

ในบทความนี้จะได้พูดถึงการใส่ไฟล์เสียงสำหรับการทำสไลด์ประกอบเสียง แบบแสดงเองอัตโนมัติ  หรือให้เล่นทุกสไลด์ หรือหลายสไลด์ ตามที่กำหนด ซึ่งผู้สร้างต้องดำเนินการให้มีความสมบูรณ์ในขั้นตอนต่างๆ ก่อนดังรายการต่อไปนี้
1.เตรียมข้อมูลในสไลด์ให้เสร็จก่อน
2.ทำการคำนวณและจดเวลาทั้งหมดในการแสดง
3.ทำการบันทึกไฟล์เสียง(บรรยาย)สำหรับใช้ประกอบการนำเสนอ
4.ทำการกำหนดเวลาให้กับแผ่นสไลด์ทุกๆแผ่นก่อน
5.ดำเนินการตามขั้นตอน  โดยแบ่งการดำเนินการ 2 ส่วน คือ

1.นำไฟล์เสียงใส่ลงไปในสไลด์เริ่มต้น

มีวิธีการเหมือนการใส่เสียงลงไปในเฟรมสไลด์ สำหรับใช้แสดงเสียงในแต่ละสไลด์ โดยมีขั้นตอนที่ขอเริ่มต้น มีดังต่อไปนี้

1. ไปที่เมนู Insert เลือกรายการ Movies and Sounds เลือกรายการ Sound form File ตามลำดับ


2. จะเกิดหน้าต่างชื่อ Insert Sound
3.ให้ท่าน Browse เลือกหาไฟล์เสียงที่ท่านเตรียมไว้ คลิกปุ่ม OK ตามลำดับ

4. จะเกิดกรอบหน้าต่างเล็กๆ เพื่อให้ท่านกำหนดเงื่อนไข โดยมี 2 ตัวเลือกคือ
Automatically : เป็นเงื่อนไขให้เล่นเพลงทันที ที่สไลด์แผ่นนี้แสดง
When Clicked : เป็นเงื่อนไขให้เล่นเพลงเมื่อทำการคลิกที่ปุ่ม icon ลำโพง


5. เมื่อกำหนดเรียบร้อยก็จะมี icon เล็กๆ ปรากฏขึ้นกลางจอภาพ ท่านสามารถ ลากวาง icon เสียงไปวางตรงตำแหน่งที่ต้องการได้

6. มาถึงตรงนี้ ท่านสามารถเพิ่มเติมเงื่อนไขของไฟล์เสียงที่ท่านนำมาวาง อาทิ การกำหนดให้เล่นไฟล์ เสียงวนซ้ำ ไม่รู้จบ หรือการตั้งค่าความดังของเสียง

โดยมีวิธีการเพิ่มเติมดังนี้
(1) คลิกเมาล์ปุ่มขวาที่รูป icon ลำโพงนี้ จะเกิดกรอบรายการ เลือกรายการ Edit Sound Object


(2) จะเกิดส่วนกำหนดเงื่อนไขที่เรียกว่า Sound Option


ซึ่งจะมีส่วนให้ท่านปรับแต่งเพิ่มเติม 2 ส่วน คือ
Play Options
ถ้าท่าน คลิกถูกลงใน ช่อง check box ของคำว่า Loop until stopped เป็นการกำหนดให้เล่นวนต่อเนื่อง จนเปลี่ยนสไลด์หรือกำหนดคำสั่งให้เป็นอื่น
Sound volume ซึ่งตรงจุดนี้ ท่านสามารถกำหนดความดังของเสียงตามที่ต้องการได้
Display options
ถ้าคลิกถูกลงใน ช่อง check box ของคำว่า Hide sound icon durring slide show เป็นการกำหนดให้ icon รูปลำโพงหายไป ขณะเสียงกำลังเล่นอยู่

นอกจากนี้ ในการใช้ไฟล์เสียงขนาดใหญ่ จำเป็นต้องปรับค่า cache ของ PowerPoint เพื่อให้สามารถแสดงไฟล์เสียงอย่างราบเรียบ การตั้งค่าตรงนี้ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้



(1) ไปที่เมนู Tools เลือก Options (ดังภาพบน) ตามลำดับ







(2) จะเกิด dialog box Options ขึ้นให้ไปที่ Tab ชื่อ General
ตั้งค่า Link sounds with file size greater than กำหนดค่าลงไป 6000 kb (3) คลิกปุ่ม OK ตามลำดับ

 2. กำหนดให้สไลด์ เล่นไฟล์เสียงอย่างต่อเนื่อง
  มีวิธีการปรับแต่ง เพิ่มเติมดังต่อไปนี้

1. คลิกขวาที่ icon เสียงรูปลำโพง จะเกิดแถบรายการ เลือก Custom Animation (ดังภาพซ้ายมือ)

2. เมื่อคลิกที่ด้านขวาสุดของหน้าต่างทำงาน จะมีส่วนจัดการที่เรียกว่า Custom Animation ปรากฏขึ้น


3. คลิกที่ปุ่ม สามเหลี่ยมของไฟล์ จะมีรายการสำหรับกำหนดลักษณะพิเศษ ของไฟล์เสียงนี้ เลื่อนลงมา ให้คลิกเลือก Effect Options ตามลำดับ


4. จะเกิดหน้าต่าง Play Sound เป็นส่วนสำหรับการกำหนดเงื่อนไข ไฟล์เสียง มีอยู่ 3 Tab ซึ่ง Tab Effect เป็นส่วนสำคัญในการปรับแต่ง มีรายละเอียด ดังนี้
4.1 Start Playing เป็นส่วนกำหนดให้ไฟล์เสียงเริ่มเล่นในลักษณะใด
From beginning กำหนดแสดงเสียงพร้อมกับสไลด์ เมื่อแสดงขึ้น
Form last position กำหนดให้ แสดงต่อจากการแสดงผลของสไลด์แผ่นนี้เสร็จ
Form time เป็นส่วนกำหนดเวลา หน่วยเป็น วินาที
4.2 Stop Playing เป็นส่วนกำหนดให้ไฟล์เสียงหยุด มีเงื่อนไข 3 เงื่อนไข
On click หยุดเล่นเมื่อทำการคลิก เมาส์
After current slide เมื่อจบการแสดงสไลด์แผ่นนี้
After : เล่นจบที่สไลด์หมายเลขใด ตัวอย่างเช่น เสร็จสิ้นที่แผ่นที่ 15
4.3 Enhancements เป็นส่วนกำหนดเสริมเพิ่มเติม ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้งานในหน้าที่ตรงนี้



5. กำหนดเรียบร้อยคลิกปุ่ม OK

การแสดง PowerPoint มัลติมีเดีย จะไม่สมบูรณ์ ซึ่งท่านต้องกำหนดเวลาในแผ่นสไลด์ทุกแผ่นก่อน
เพื่อให้ การนำเสนอ สามารถแสดงผลได้เองตามเวลาที่กำหนด ก่อน เวลารวมของการแสดงผลของสไลด์ ต้องเท่ากับ เวลาของเสียงที่ทำการบันทึกจัดเตรียมไว้ เท่านี้ งานนำเสนอท่านก็พร้อมที่จะแสดงผลได้เองตามไฟล์เสียงที่ ท่านได้สร้างไว้

เรื่องราวของการนำเสนอ ยังมีอีกหลายมุมมอง ซึ่งจะได้นำมาให้เรียนรู้กันอย่างต่อเนื่องในโอกาสต่อไป
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ การบรรยาย หลักสูตร เทคนิคการนำเสนอและการสรุปงาน
Readmore...

การใส่เสียงใน PowerPoint แบบแสดงเฉพาะเฟรม

0 ความคิดเห็น
 
การใส่เสียง เป็นอีกเสน่ห์ที่สำคัญของการนำเสนอ  รูปแบบการใส่ไฟล์เสียง มี อยู่ 2 ลักษณะ
1. ใส่เสียงประจำเฉพาะในเฟรมสไลด์เดียว
2.ใส่ไฟล์เสียงคลุมยาวตลอดการแสดงสไลด์

วิธีการใส่ไฟล์เสียงประจำเฉพาะในเฟรมสไลด์เดียว
1. ไปที่เมนู Insert เลือกรายการ Movies and Sounds เลือกรายการ Sound form File ตามลำดับ


2. จะเกิดหน้าต่างชื่อ Insert Sound 
3.ให้ท่าน Browse เลือกหาไฟล์เสียงที่ท่านเตรียมไว้ คลิกปุ่ม OK ตามลำดับ

4. จะเกิดกรอบหน้าต่างเล็กๆ เพื่อให้ท่านกำหนดเงื่อนไข โดยมี 2 ตัวเลือกคือ
    Automatically  : เป็นเงื่อนไขให้เล่นเพลงทันที ที่สไลด์แผ่นนี้แสดง
   When Clicked   : เป็นเงื่อนไขให้เล่นเพลงเมื่อทำการคลิกที่ปุ่ม icon ลำโพง


5. เมื่อกำหนดเรียบร้อยก็จะมี icon เล็กๆ ปรากฏขึ้นกลางจอภาพ ท่านสามารถ ลากวาง icon เสียงไปวางตรงตำแหน่งที่ต้องการได้

6. มาถึงตรงนี้ ท่านสามารถเพิ่มเติมเงื่อนไขของไฟล์เสียงที่ท่านนำมาวาง อาทิ การกำหนดให้เล่นไฟล์ เสียงวนซ้ำ ไม่รู้จบ หรือการตั้งค่าความดังของเสียง

โดยมีวิธีการเพิ่มเติมดังนี้
   (1) คลิกเมาล์ปุ่มขวาที่รูป icon ลำโพงนี้ จะเกิดกรอบรายการ เลือกรายการ Edit Sound Object


  (2) จะเกิดส่วนกำหนดเงื่อนไขที่เรียกว่า Sound Option 


ซึ่งจะมีส่วนให้ท่านปรับแต่งเพิ่มเติม 2 ส่วน คือ
        Play Options
        ถ้าท่าน คลิกถูกลงใน ช่อง check box ของคำว่า Loop until stopped เป็นการกำหนดให้เล่นวนต่อเนื่อง จนเปลี่ยนสไลด์หรือกำหนดคำสั่งให้เป็นอื่น
        Sound volume         ซึ่งตรงจุดนี้ ท่านสามารถกำหนดความดังของเสียงตามที่ต้องการได้
        Display options
        ถ้าคลิกถูกลงใน ช่อง check box ของคำว่า Hide sound icon durring slide show เป็นการกำหนดให้ icon รูปลำโพงหายไป ขณะเสียงกำลังเล่นอยู่ 

นอกจากนี้ ในการใช้ไฟล์เสียงขนาดใหญ่ จำเป็นต้องปรับค่า cache ของ PowerPoint เพื่อให้สามารถแสดงไฟล์เสียงอย่างราบเรียบ  การตั้งค่าตรงนี้ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้



   (1) ไปที่เมนู Tools เลือก Options (ดังภาพบน) ตามลำดับ







   (2) จะเกิด dialog box Options ขึ้นให้ไปที่ Tab ชื่อ General
        ตั้งค่า Link sounds with file size greater than กำหนดค่าลงไป 6000 kb   (3) คลิกปุ่ม OK ตามลำดับ

 ถึงตรงจุดนี้ สไลด์ที่ท่านวางไฟล์เสียงไว้ ก็สามารถ เล่นได้ตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดโดยสมบูรณ์

แต่หากท่านต้องการให้ ไฟล์เสียงนั้น เล่นทุกสไลด์ หรือหลายสไลด์ ตามที่กำหนด ก็ต้องมีวิธีการเพิ่มเติมอีก ศึกษาเรียนรู้ ต่อ



เรื่องราวของการนำเสนอ ยังมีอีกหลายมุมมอง ซึ่งจะได้นำมาให้เรียนรู้กันอย่างต่อเนื่องในโอกาสต่อไป
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ การบรรยาย หลักสูตร เทคนิคการนำเสนอและการสรุปงาน
Readmore...
Thursday, May 17, 2012

Blogger : 5. การเพิ่มองค์ประกอบอื่นๆของ Blogger

0 ความคิดเห็น
 
Blogger ไม่ได้เป็นเพียงเว็บที่ใช้ในการเขียนสาระ เนื้อหา บทความต่างๆ แต่ Blogger ยังสามารถติดตั้งองค์ประกอบส่วนพิเศษที่เรียกว่า Gadget เพิ่มเติมต่างๆได้โดยง่าย โดย Blogger ได้มี Gadget พื้นฐานที่น่าใช้ และติดตั้งง่ายมาก ถึง 28 รายการ (มีเพิ่มจากปี 2013 จากเดิม 24 รายการ) มีรายการต่างๆ ดังภาพด้านล่างนี้

มาดูวิธีการเพิ่มองค์ประกอบของ Blogger กัน ดังนี้
1. ไปที่หน้าควบคุมระบบบล็อกหรือที่เรียกว่าแดชบอร์ด (Dashboard) แล้วดูตรงส่วนควบคุมบล็อก (ซึ่งจะอยู่ด้านซ้ายมือ) คลิกเลือกรายการ ชื่อ รูปแบบ หรือ Layout



2. จะเกิดผังแม่แบบเว็บของบล็อก  เลือก Zone หรือตำแหน่งที่จะวาง หมวดหมู่ หรือ Categories  ซึ่งจะมีในทุกๆส่วนของบล็อก ไม่ว่าจะเป็นส่วนบน ส่วนด้านขวา ส่วนกลางหรือด้านล่าง(บางแม่แบบสามารถวางทางส่วนซ้ายได้ด้วย

3.ดูที่แถบข้อความ(อักษรสีฟ้า) Add a Gadget (เพิ่ม Gadget)



4. เลือก ค้นหา  Gadget ตามที่ต้องการ คลิกที่เครื่องหมาย + เพื่อทำการเพิ่มองค์ประกอบที่เลือก

5. ทำการปรับแต่ง  Gadget ตามเงื่อนไข ของ Gadget นั้นๆ
Readmore...
Tuesday, May 8, 2012

การตั้งค่าไม่ให้หน้าจอดับเมื่อปิดพับฝา

0 ความคิดเห็น
 
สำหรับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ทุกประเภท จะพบว่าคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่หรือ Notebook ตัวเก่งของท่านเมื่อมีเหตุจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายและทำการพับฝาหน้าจอลงมา ซึ่งในทางเทคนิคของระบบจะเป็นการสั่งให้ Notebook เข้าสู่โหมด Sleep  และเมื่อทำการเปิดฝาหน้าจอขึ้นมา แทนที่จะอยู่ในสภาพเดิม กลับพบกับสภาพจอมืด ต้องปลุกโดยการเคาะคีย์ใดคีย์หนึ่งเพื่อให้จอสว่างขึ้นมาใหม่ เพื่อเข้าสู่โหมดการทำงานต่อ เทคนิคต่อไปนี้ เป็นการกำหนดค่าไม่ให้จอดับ  มีวิธีทำดังนี้
 1.ดูที่ Taskbar ด้านขวามือ หา icon รูปปลั๊กไฟหรือแบตเตอรี่ หากไม่พบให้ พิมพ์คำว่า power options ลงในช่อง Search ของ Start Menu แล้วกดปุ่ม Enter


 2.จะมีหน้าต่างเปิดออกมา ซึ่งจะแสดงหน้า Select a power plan  ที่ส่วน Preferred plans ที่ใช้ปัจจุบันให้คลิกที่ Change plan Settings ของ Active plant ที่กำลังใช้อยู่


3.จะปรากฎหน้า Edit Plan Settings ให้คลิกเลือกที่รายการ Change advanced power settings


4.จะเข้าสู่ในหน้าต่าง Power Options ที่แท็บ Advanced settings ภายใต้ active power plant ที่ท่านใช้(ในที่นี้เป็น Balanced) ให้หารายการ Power buttons and lid คลิกที่เครื่องหมายบวกหน้ารายการ  เพื่อขยายดูรายการย่อย


 5.รายการย่อย Lid close action เมื่อขยายออกมา จะมีรายการย่อยเพิ่มออกมาอีก 2 รายการ คือ On battery: และ Plugged in:

ตรงนี้จะเป็นการกำหนดค่า ให้ท่านเลือกว่า จะกำหนดในสถานะใช้แบตเตอรี่ หรือสถานะตอนใช้ Adapter หรือจะทั้ง 2 สถานะ ถ้าต้องการทั้ง 2 สถานะ ให้ท่านคลิกเปลี่ยนคำสั่งที่ drop down menu จาก Sleep ไปเป็น Do nothing ทั้งสองรายการ



 6.คลิกปุ่ม Apply และ OK ตามลำดับ
เมื่อท่านพับฝาหน้าจอในครั้งหน้า หน้าจอจะยังคงทำงาน จะไม่ดับ เมื่อเปิดมาใหม่ก็พร้อมจะใช้งานได้ทันที
Readmore...

เครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ไปสักพักจะดับไปเอง

4 ความคิดเห็น
 
How to อาการแบบนี้ อาจจะไม่เกิดกับเครื่องคอมพิวเตอร์บ่อยนัก แต่ กับผู้เขียน ประสบด้วยตนเอง ใช้งานได้สัก 10 นาที เวลาคลิกเพื่อเปิดใช้งานไฟล์ข้อมูล หรือเปิด Drive ต่างๆ แค่เพียงคลิก เครื่องจะหยุด ดับ ไปเองในทุกครั้ง

หาสาเหตุ
         สำหรับอาการนี้ส่วนมากมีสาเหตุหลัก 4 ประการ คือ Mainboard, CPU, Power Supply, และระบบปฎิบัติการและโปรแกรมประกอบ
  1. เมนบอร์ด อาการที่เกิดจากเมนบอร์ดชำรุดสาเหตุมาจากมีส่วนหนึ่งส่วนใดเกิดการลัดวงจรทำให้กระแสไฟฟ้าไหลรั่วลงกราวนด์ โดยเฉพาะจะเป็นที่ตัวเก็บประจุ ไม่ก็ เส้นสายลายทองแดงชำรุด บางครั้งพบว่า ใต้เมนบอร์ดมีเศษซากสัตว์ประเภทแมลง หรือ จิ้งจก คาติดอยู่
  2. CPU เกิดจากพัดลมอาจจะทำงานได้ไม่เต็มรอบ หรือพัดลมชำรุดเสียหาย หรือโปรแกรมควบคุมรอบความเร็วเกิดการชำรุด แต่อาการที่พบมากที่สุด มาจากพัดลมทำงานผิดปกติ ส่วนอาการจาก CPU ชำรุดจริงๆนั้นพบน้อยมาก
  3. ระบบปฏิบัติการ Windows อาจเป็นสาเหตุที่ ทำให้ระบบหยุดทำงานได้ อันมีเหตุมาจาก เกิดการขัดแย้งกันในการติดตั้งอะไรเพิ่มเติม  หรือเกิดจาการติดไวรัส
  4. ปัญหานี้ หากมีการเพิ่มอุปกรณ์เข้าไปใหม่ มากกว่าแต่เดิม ก็น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญ เพราะ case ส่วนใหญ่ที่ขายโดยทั่วไป มักจะมีแรงไฟอยู่ที่ 300-350วัตต์(ในความเป็นจริงแล้วไม่ถึงด้วยซ้ำ) หากท่านติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมลงไป อาทิ เพิ่ม DVD Drive เปลี่ยนหรือเพิ่ม Harddisk ก้อาจจะเป็นสาเหตุสำคัญ
ที่นี่มาดูการตรวจสอบ(คาดการณ์)
  1. ติดไวรัส ตรวจสอบ ก็ปกติ
  2. ระบบปฎิบัติการเสียหาย ก็ลอง Restore ก็ยังเป็นอยู่
  3. ทำการลงระบบปฎิบัติการใหม่หมด ใช้งานไป ลงโปรแกรม ที่เป็นโปรแกรมขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาเกิน 10 นาที เครื่องก็ดับไปเอง
  4. เปิดฝาเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบทางชิ้นส่วนอุปกรณ์ ดูอุณหภูมิตัว CPU ก็ปกติ หน่วยความจำ ลองเอามาเปลี่ยนใหม่ (ตัวเก่าก็ปกติ) อาการก็ยังเป็นเช่นเดิม คือเปิดโปรแกรม หรือเปิดไฟล์งานไม่ได้
  5. สุดท้ายที่คิดว่าไม่น่าจะใช่ ก็ ใช่ จริงๆ นั่นคือ มีปัญหาที่ระบบจ่ายแรงไฟ (ทั้งๆที่เป็นของมีคุณภาพ และมีความสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ค่อนข้างสูง) เป็นเมื่อก่อนคงยุให้ซ่อม แต่ปัจจุบัน ชุดจ่ายไฟแบบนี้ ราคาไม่สูงมากนัก ยกเว้นท่านเป็นผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ ระดับเทพ ก็คงเจ็บตัวกับชุด Power Supply ราคาหลายพันบาทแน่ๆ
สรุป ลองเปลี่ยน Power Supply
         แล้วใช้งาน เปิดทิ้งไว้ 2 วัน ไม่ดับ มาใช้งานต่อ เปิดไฟล์งาน เปิดโปรแกรมต่างๆ กลับมาใช้งานได้ดีเช่นเดิม
Readmore...
Monday, May 7, 2012

เพิ่มคำสั่ง Restart มาไว้ที่เมนูคลิกขวาที่หน้า Desktop

0 ความคิดเห็น
 
ปรกติเมื่อเราจะรีสตาร์ทเครื่อง เราจะไปคลิกที่ Start แล้วเลือกคำสั่ง Restart ที่ปุ่ม Shut down (กรณี Windows 7) วิธีการต่อไปนี้ เป็นวิธีการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้ Windows โดยจะนำคำสั่ง Restart มาไว้ที่เมนูคลิกขวาบนหน้า Desktop

โดยมีวิธีการทำอยู่ 2 แบบ
แบบที่ 1
เป็นการจัดการผ่านคำสั่ง Regedit (ซึ่งเป็น tool ในการจัดการ) ขั้นตอนมีดังนี้
  1. พิมพ์ regedit ลงในช่องว่างของ Start Menu แล้ว Enter
  2. เมื่อหน้าต่าง Registry Editor เปิดขึ้นมา คลิกไปตามคีย์ย่อยทางหน้าต่างช่องด้านซ้ายตามนี้
    HKEY_CLASSES_ROOT\DesktopBackground\Shell
  3. ให้คลิกขวาที่คีย์ Shell เลือกคำสั่ง New > Key ตั้งชื่อคีย์เป็น Restart Computer
  4. ต่อมาให้คลิกเลือกที่คีย์ Restart computer แล้วคลิกขวาที่ว่างๆ ของหน้าต่างช่องด้านขวา เลือกคำสั่ง New > String Value ตั้งชื่อเป็น icon
  5. จากนั้นให้ดับเบิลคลิกที่คีย์ icon ที่หน้าต่าง Edit String ให้พิมพ์ shell32.dll,-290 ลงในช่องว่าง Value data แล้วคลิก OK (คำสั่งนี้เป็นการเอาไอคอนมาไว้ที่คำสั่งด้วย)
  6. ให้สร้างคีย์ใหม่ขึ้นอีกหนึ่งคีย์ ที่รายการ Restart Computer โดยให้ชื่อเป็น Position การสร้างก็เหมือนกับคีย์ icon เมื่อสร้างแล้วก็ให้ดับเบิลคลิกที่คีย์ Position  ที่หน้าต่าง Edit String ให้พิมพ์ Bottom ลงในช่องว่าง Value data แล้วคลิก OK (คำสั่งนี้เป็นการระบุตำแหน่งคำสั่งให้อยู่ด้านล่างสุด)
  7. ต่อมาให้คลิกขวาที่คีย์ Restart Computer เพื่อสร้างคีย์ย่อยของ Restart Computer โดยเลือกคำสั่ง New > Key ให้ชื่อเป็น command
  8. ต่อมาดับเบิลคลิกที่คลิก command ที่หน้าต่าง Edit String ให้พิมพ์ shutdown.exe -r -t 00 -f ลงที่ช่องว่าง Value data แล้วคลิก OK (คำสั่งนี้เป็นคำสั่ง Restart เครื่อง)
  9. ปิด Registry Editor เมื่อมาลองคลิกขวาที่หน้า Desktop ก็จะเห็นว่ามีคำสั่ง Restart อยู่แล้ว

แบบที่ 2 ใช้ภาษา Script
มีขั้นตอน ดังนี้
  1. เปิด Notepad ขึ้นมาแล้วทำการก็อปปี๊สคริปต์(เฉพาะตัวอักษรสีแดง) ทำการ save เป็นชื่อ Add_Restart.reg

    Windows Registry Editor Version 5.00

    [HKEY_CLASSES_ROOT\DesktopBackground\Shell\Restart Computer]

    “icon”=”shell32.dll,-290″

    “Position”=”Bottom”

    [HKEY_CLASSES_ROOT\DesktopBackground\Shell\Restart Computer\command]

    @=”shutdown.exe -r -t 00 -f”
  2. ทำการ double click ที่ไฟล์ที่สร้างขึ้น ตอบ Yes และ OK ตามลำดับ
  3. ทดลองผลโดยลองคลิกเมนูขวา
Readmore...

เปิดเอกสาร Word 2010 บน Microsoft Word 2003

1 ความคิดเห็น
 

สำหรับผู้ใช้งานด้านเอกสาร Word ในปัจจุบัน ที่ยังคงใช้ โปรแกรม Microsoft Word ยอดนิยมรุ่น 2003 อยู่ (ไม่คิดเปลี่ยนรุ่นใหม่) มักจะพบปัญหาว่าไม่สามารถเปิดไฟล์เอกสาร word ที่มีผู้ส่งหรือใช้ร่วมกับคนอื่นได้ ซึ่งปัจจุบันไฟล์เอกสาร word จะมีนามสกุล .docx ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่อาจจะไม่เห็นนามสกุลของไฟล์อีกด้วย
เมื่อต้องการเปิดแฟ้ม .docx  ของ Microsoft Word 2010 (และ 2007) ด้วย Microsoft Word 2003 หรือรุ่นที่ต่ำกว่า โดยยังไม่อยากติดตั้งโปรแกรมรุ่น 2007 หรือ 2010 เราจะแนะวิธีให้ คุณสามารถเปิดไฟล์เอกสาร Word นามสกุล .docx ได้ ด้วยวิธีง่ายๆ นั่นคือ การติดตั้งโปรแกรมเล็กๆ ของไมโครซอฟต์ ที่ชื่อว่า  Microsoft Office Compatibility Pack for Word, Excel, and PowerPoint File Formats ซึ่งโปรแกรมนี้เมื่อติดตั้งแล้วสามารถที่จะอ่านไฟล์ข้อมูล ของ Microsoft Office ทั้ง Word, Excel และ PowerPoint 2007 รวมถึงรุ่น 2010 (รุ่น 2010 อาจจะไม่สนับสนุนการทำงานในบางส่วน)
หมายเหตุ
  1. ไม่สนับสนุนเทคนิคพิเศษที่มีใน Powerpoint 2007-2010
  2. ไม่สนับสนุนคุณลักษณะพิเศษที่มีใน Excel 2007-2010
ดาวน์โหลด Microsoft Office Compatibility Pack for Word, Excel, and PowerPoint File Formats
ศึกษาคุณลักษณะและข้อกำหนดเพิ่มเติมที่ เว็บไซต์ไมโครซอฟต์
Readmore...
Friday, May 4, 2012

วิธี Shutdown Windows 8 อย่างง่ายๆ

2 ความคิดเห็น
 



นับจากการที่ไมโครซอฟท์ได้นำระบบปฏิบัติการใหม่สุดออกให้ทดลองใช้ ทั้งในรุ่น Developer Preview และ Consumer Preview ปัญหาที่คนใช้งานส่วนใหญ่ที่พบก็คือ การไม่คุ้นเคยกับการเข้าถึงปุ่มความคุมในการ Restart และการ Shutdown ปัญหานั้นก็เกิดจากการที่ระบบปฏิบัติการใหม่นี้ ทำการปรับเปลี่ยน User Interface ของ Windows 8 ใหม่หมด จากผู้ใช้งานที่คุ้นเคย และเคยชินกับปุ่ม Start ที่เคยอยู่ที่ Taskbar ด้านล่างซ้ายมือ มาตั้งแต่ยุค Windows 95 จนถึง Windows 7
บทความนี้จึงจะนำวิธีการ Restart หรือ Shutdown ที่มีอยู่ใน Windows 8 มาให้ท่านได้เรียนรู้กัน ซึ่งจะนำเสนอด้วยคุณลักษณะเฉพาะของ Windows 8 แบบไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่ม ซึ่งการ Shutdown หรือ Restart บน Windows 8 สามารถทำได้ ในหลายวิธีการ  (ใช้ได้ทั้งกับ Windows 8 Consumer Preview และ Windows 8 Developer Preview)

1. ควบคุมผ่านทาง Charms Bar
Charms Bar เป็นคุณลักษณะใหม่ ที่มีมากับ Windows 8 โดยตรง เป็นลักษณะของแถบเครื่องมือควบคุม

ซึ่งเครื่องมือควบคุมต่างๆ นี้จะถูกซ่อนอยู่บริเวณด้านขวาของขอบจอ(ดังภาพด้านขวา)  ซึ่งเมื่อลากเมาส์ไปชิดขอบของหน้าจอมุมขวาล่างมันก็จะปรากฎออกมา หรือ จะใช้วิธีเรียกผ่าน Hotkeys ก็ได้ โดยโดยกด Win+C เมื่อปรากฏแล้ว ให้คลิกเลือกที่ Setting จะปรากฏส่วนขยายหลายรายการ ในที่นี้ ให้เลือกปุ่ม Power หรือถ้าจะเข้าเมนูย่อยไปอีกเช่น Settings Menu ก็สามารถกด Win+I จากนั้นให้กดที่ไอคอน Power
ก็จะปรากฎตัวเลือก 3 รายการได้แก่  Sleep, Shut down และ Restart  ซึ่งมาถึงตรงนี้ ท่านก็สามารถควบคุม เข้าถึงการใช้งานไม่ว่าจะเป็น Restart หรือ ปิดเครื่องด้วยการ Shutdown ไปเลย

2. ควบคุมด้วย Dialog box
วิธีนี้ เป็นการเรียก Tools ที่ ท่านคุ้ยเคยกันมาตลอด นำมาใช้งานในการปิดเครื่องหรือ รีสตาร์ท เครื่อง ซึ่งเมื่อเรียกขึ้นมา ก็จะปรากฏหน้าต่างที่เรียกว่า  Shut Down Windows  พร้อมตัวเลือกในลักษณะ Dropdown List ที่มีรายการ Switch User, Sign Out, Sleep, Restart และ Shut down
การเรียกใช้งาน จะต้องอยู่เฉพาะที่หน้า Desktop เท่านั้น (เป็นหน้า ในแบบ Windows ดั้งเดิม) โดยกดปุ่ม Alt+F4  วิธีนี้ใช้กับหน้าแบบ Metro Style ไม่ได้


3. ควบคุมโดยใช้ Keyboard
 วิธีอมตะนิรันดิ์กาลที่มีมาใช้กันตั้งแค่ ยุคต้นๆของ Windows นั่นคือ การกดปุ่ม Ctrl+Alt+Del พร้อมกัน

 ซึ่งในกรณีนี้เราต้องการปิด(Shutdown) หรือรีสตาร์ท หรือ Sleep ในลักษณะของปุ่ม Power อยู่บริเวณมุมขวาล่างของหน้าจอ  โดยจะมีคำสั่ง 3 รายการ
Sleep            สำหรับใช้สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่โหมดพักระบบชั่วคราว
Shut down   สำหรับใช้ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
Restart        สำหรับใช้รีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์

นอกจากนี้ที่กลางจอจะมีรายการให้เลือกต่างๆ
  • Lock สำหรับใช้ล็อคหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์กลับไปสู่หน้าต้อนรับ
  • Switch user สำหรับใช้สลับผู้ใช้งาน
  • Sign out สำหรับให้ผู้ใช้งานออกจากระบบโดยยังไม่ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
  • Change a password สำหรับใช้เปลี่ยนรหัสผ่าน
  • Task Manager สำหรับใช้เปิด Task Manager
4. ควบคุมผ่านปุ่ม Alt+F4
วิธีการกดปุ่ม Alt + F4 ทำได้ง่ายและรวดเร็วแต่สามารถใช้งานได้จากหน้า Desktop เท่านั้น วิธีการคือให้กดปุ่ม Alt + F4 พร้อมกันจะปรากฏหน้า Task Manager ที่จะมีส่วนคำสั่งให้ทำการปิด หรือ restart จากนั้นคลิกเลือกคำสั่งที่ต้องการจากเมนูแบบเลื่อนลง แล้วคลิก OK โดยมีคำสั่งให้เลือกดังนี้
  • Switch user สำหรับใช้สลับผุ้ใช้งาน
  • Sign out สำหรับให้ผู้ใช้งานออกจากระบบโดยยังไม่ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
  • Sleep สำหรับใช้สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่โหมดพักระบบชั่วคราว
  • Shut down สำหรับใช้ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
  • Restart สำหรับใช้รีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์
จากวิธีการทั้ง 4 แบบ(4 ช่องทาง) จะเห็นได้ว่า บางรายการจะมีรายการสำหรับให้ออกจากระบบชั่วคราว เพิ่มมาด้วย ดังนั้นจึงขอเพิ่มการออกจากระบบชั่วคราวอีกสักวิธีการ คือ
การควบคุมผ่าน User Details
วิธีการใช้  User Details ทำได้ง่ายแต่สามารถใช้งานได้จากหน้า Start เท่านั้น ซึ่งเมื่อคลิกเข้าไป จะมีเพียง 3 รายการให้เลือก คือ
  • Change account picture สำหรับใช้เปลี่ยนรูปประจำตัว
  • Lock  สำหรับใช้ล็อคหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์กลับไปสู่หน้าต้อนรับ
  • Sign out สำหรับให้ผู้ใช้งานออกจากระบบโดยยังไม่ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
เท่านั้นวิธีการคือให้ทำการคลิกเม้าส์บนชื่อผู้ใช้ (User name) หรืออวตาร์ (Avatar) ที่แสดงอยู่บริเวณมุมบนด้านขวา จากนั้นเลือกคำสั่ง Lock หรือ Sign out



ปัจจุบัน มีนักพัฒนา ต่างหาวิธีการต่างๆ ในการที่จะแปลงหน้าตาของ Windows 8 ให้มีเครื่องมือความคุ้นเคยเดิมๆ กลับคืนมา ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ การนำปุ่ม Start กลับคืนมาที่ Taskbar ซึ่งหากมีผู้สนใจ จะได้สืบเสาะแสวงหามาให้ได้ทดลองใช้งานกัน ในโอกาสต่อไป

Readmore...

วิธีเปลี่ยนหรือตั้งค่าปุ่ม Start ให้เป็น Shut down อย่างง่าย

0 ความคิดเห็น
 
ผู้ใช้คอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ Notebook มักจะประสบปัญหา(เล็กๆน้อยๆ) ในการใช้งานระบบปฎิบัติการโดยเฉพาะที่ติดตั้ง Windows 7 เมื่อเราคลิกที่ปุ่ม Start ก็จะเห็นปุ่ม Power Button ซึ่งบางทีไม่เจอคำว่า Shut down แต่จะกลายเป็น Sleep ซึ่งหากต้องการเป็น Shutdown จะต้องเข้าไปคลิกเลือกรายการอีกครั้ง ซึ่งอาจจะเพิ่มขั้นตอน เรามีวิธีในการปรับเลือกใช้ปุ่ม Power Button ได้ตามต้องการ ซึ่งมีขั้นตอนการทำ ดังนี้
1. คลิกขวาที่ปุ่ม Start บน Taskbar เลือกคำสั่ง Properties


2. จะเกิดหน้าต่าง Taskbar and Start Menu Properties ขึ้น


3. ที่ช่อง Power button action จะมี Dropdown list ให้ท่านเลือกคำสั่งที่ต้องการโดยมีคำสั่งที่มีให้เลือกได้แก่
  • Switch user สลับไปใช้งานของผู้ใช้คนอื่น
  • Log off ล็อกออฟออกจากผู้ใช้ปัจจุบัน
  • Lock ล็อกคอมพิวเตอร์
  • Restart ทำการ boot ระบบคอมพิวเตอร์ใหม่
  • Sleep พักการทำงานคอมพิวเตอร์ชั่วคราว
  • Shut down ปิดคอมพิวเตอร์ (ค่าดีฟอลต์)

4. เมื่อเลือกตั้งค่าเสร็จ คลิกปุ่ม OK แล้ว รีสตาร์ท ระบบอีกครั้ง
Readmore...

แบบสอบถามความคิดเห็น


สาระ เนื้อหา เรื่องราว ที่ปรากฎอยู่ในบล็อกแห่งนี้ จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมผลงาน แนวคิด จากการศึกษาเรียนรู้ และประสบการณ์ในการทำงาน รวมถึงการนำมาจากแหล่งข้อมูลอื่น(ซึ่งจะแจ้ง links ต้นทาง) นำมาเผยแพร่ให้กับท่านที่สนใจ ผ่านช่องทางและเวทีบล็อกแห่งนี้ หากท่านต้องการที่จะแนะนำ หรือแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการจัดทำบล็อกความรู้นี้ ติดต่อพูดคุย(ฝากข้อความ) ได้นะครับ
ขอบคุณที่กรุณาเข้าเยี่ยมชม

นายมีเดีย : mediathailand
สุวัฒน์ ธรรมสุนทร (mediath@hotmail.com)
ข้าราชการบำนาญ สำนักงาน กศน.
กระทรวงศึกษาธิการ

ความเห็นจากเพื่อน Facebook